ผิวหนังอักเสบ อาการแบบไหนที่ไม่ควรปล่อยไว้
ผิวหนังอักเสบ (Dermatitis หรือ Eczema) คือภาวะที่เกิดจากการอักเสบของผิวหนังชั้นบน มีลักษณะอาการหลากหลาย เช่น ผื่นแดง คัน แห้ง แตก ลอก หรือมีตุ่มน้ำใส ซึ่งหากไม่รักษาอย่างเหมาะสม อาจลุกลามกลายเป็นแผลอักเสบหรือติดเชื้อรุนแรงได้ จากข้อมูลของ National Eczema Association (NEA) โรคผิวหนังอักเสบพบในประชากรทั่วโลกมากถึง 10–20% ในเด็ก และ 1–3% ในผู้ใหญ่ โดยมักมีลักษณะเรื้อรัง กำเริบเป็นระยะ สร้างความรำคาญและส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างมีนัยสำคัญ
อาการของโรคผิวหนังอักเสบมีอะไรบ้าง?
อาการของโรคผิวหนังอักเสบมีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคและระยะของการอักเสบ แบ่งออกได้หลายกลุ่มหลัก ได้แก่
- Atopic Dermatitis (ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง)
เป็นชนิดที่พบได้บ่อยในเด็กและผู้ใหญ่ที่มีประวัติภูมิแพ้ เช่น หอบหืด ภูมิแพ้จมูก- ผิวแห้งมาก คันเรื้อรัง
- ผื่นแดงที่พับข้อศอก ข้อพับเข่า คอ แก้ม
- เกาจนเป็นแผล หรือมีตุ่มน้ำ
- Contact Dermatitis (ผื่นแพ้สัมผัส)
แบ่งเป็นระคายเคือง (Irritant) และแพ้ (Allergic)- ผื่นแดงเฉพาะบริเวณสัมผัสสาร
- คัน แสบ หรือแห้งลอก หากสัมผัสซ้ำซ้อน
ตัวอย่างสารกระตุ้น: โลหะ นิกเกิล น้ำหอม ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน
- Seborrheic Dermatitis (ผื่นรังแค)
- ผิวลอกเป็นขุยมันสีขาวหรือเหลือง
- พบตามหนังศีรษะ คิ้ว ข้างจมูก หลังหู
- เชื่อมโยงกับเชื้อราชนิด Malassezia และการทำงานของต่อมไขมัน
- Nummular Dermatitis (ผื่นกลมเป็นเหรียญ)
- ผื่นกลมแห้ง คัน รุนแรง มักเกิดตามแขนขา
- มักพบในผู้ที่ผิวแห้งหรือสัมผัสสารระคายเคือง
อาการของแผลอักเสบจากการเกามีอะไรบ้าง?
การเกาผื่นคันอย่างต่อเนื่องอาจทำให้เกิด “Excoriation” หรือแผลเปิด เป็นทางผ่านให้เชื้อโรคเข้าสู่ผิวหนัง ส่งผลให้เกิดภาวะ Secondary bacterial infection โดยเฉพาะเชื้อ Staphylococcus aureus หรือ Streptococcus pyogenes
สัญญาณของแผลอักเสบ ได้แก่
- ผิวแดง บวม ร้อน เจ็บ
- มีหนอง หรือแผลเป็นน้ำเหลือง
- มีไข้ หนาวสั่น หรือเจ็บต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียง
หากพบอาการดังกล่าว ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับยาปฏิชีวนะหรือการดูแลแผลเฉพาะทางทันที
ผิวหนังอักเสบอันตรายไหม?
โดยทั่วไปผิวหนังอักเสบไม่ใช่ภาวะร้ายแรง แต่ในบางกรณีอาจมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ เช่น
- ติดเชื้อเรื้อรัง เช่น Eczema herpeticum จากเชื้อไวรัส HSV
- เกิดผิวหนังหนาเป็นตุ่มตะปุ่มตะป่ำ (Lichenification) จากการเกานาน
- ผลกระทบต่อจิตใจและคุณภาพชีวิต เช่น ซึมเศร้า วิตกกังวลจากภาพลักษณ์
งานวิจัยใน British Journal of Dermatology (2018) พบว่าผู้ป่วย Atopic Dermatitis เรื้อรังมีความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าสูงขึ้นถึง 1.5 เท่าเมื่อเทียบกับประชากรทั่วไป
ผิวหนังอักเสบหายเองได้ไหม?
ในกรณีที่เกิดจากการระคายเคืองเล็กน้อยหรือสัมผัสสารบางอย่างในช่วงสั้นๆ ร่างกายอาจซ่อมแซมตัวเองได้โดยไม่ต้องใช้ยา แต่หากเป็นชนิดเรื้อรัง มีปัจจัยแวดล้อมซ้ำซ้อน หรือเกิดจากภูมิคุ้มกันผิดปกติ โรคจะไม่หายเอง จำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง การทายาที่ไม่เหมาะสม เช่น สเตียรอยด์แรงๆ โดยไม่ควบคุม อาจทำให้เกิดภาวะ Steroid-induced dermatitis หรือ ผิวบาง เกิดรอยแตกลาย ได้
รักษาผิวหนังอักเสบกี่วัน และรักษาอย่างไร?
แผนการรักษาจะพิจารณาตามชนิดและระดับความรุนแรง โดยทั่วไปประกอบด้วย
- การใช้ยาทา
- Topical corticosteroids เพื่อลดการอักเสบและคัน เช่น Hydrocortisone, Mometasone
- Calcineurin inhibitors เช่น Tacrolimus, Pimecrolimus สำหรับบริเวณหน้าและคอที่ไม่ควรใช้สเตียรอยด์ต่อเนื่อง
- ยารับประทาน
- Antihistamines เพื่อลดอาการคัน
- กรณีรุนแรง อาจใช้ยา Immunosuppressants เช่น Cyclosporine หรือ Dupilumab (Biologics)
- การฟื้นฟูเกราะผิว (Skin Barrier Repair)
- การใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มี Ceramide หรือ Urea ช่วยซ่อมแซมผิวชั้นนอก
- งดใช้สบู่หรือผลิตภัณฑ์ที่มี SLS, น้ำหอม, แอลกอฮอล์
- เลี่ยงปัจจัยกระตุ้น
- เช่น ฝุ่น สารเคมี อากาศแห้ง อุณหภูมิร้อนจัด เครียด หรืออาหารบางชนิด
ระยะเวลารักษาเฉลี่ย 2-4 สัปดาห์สำหรับการอักเสบเฉียบพลัน และอาจนานหลายเดือนสำหรับภาวะเรื้อรัง
ทำไมต้องดูแลผิวอย่างต่อเนื่องที่ CH9 Wellness?
การรักษาผิวหนังอักเสบไม่ได้หยุดแค่การให้ยา แต่ต้องฟื้นฟูผิวอย่างลึกซึ้ง และปรับพฤติกรรมระยะยาว ซึ่งศูนย์ CH9 Wellness มุ่งเน้นการดูแลแบบผสมผสานทั้งเวชศาสตร์ผิวหนังและเวชศาสตร์ชะลอวัย
- ตรวจเชิงลึก Skin Sensitivity & Allergen Panel เพื่อค้นหาปัจจัยกระตุ้นที่แท้จริง
- ให้คำปรึกษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและภูมิแพ้
- โปรแกรม Skin Repair Infusion และ Treatment เพื่อเสริมชั้นผิว
- แนะนำเวชสำอางที่ผ่านการวิจัยทางคลินิก ว่าเหมาะกับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ
เพราะเราเชื่อว่าผิวที่ดีไม่ใช่แค่ “ไม่คัน” แต่ต้อง “แข็งแรงจากภายใน” และ “กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง”
