ถ้าน้องไม่สู้ เราต้องสู้น้องกลับ (แก้ปัญหานกเขาไม่ขัน)

นกเขาไม่ขัน หรือปัญหาอวัยวะเพศชายไม่แข็งตัวสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งอาจมีเกิดขึ้นตามปกติหรือมีความรุนแรงตามสาเหตุและปัจจัยหลายประการ เช่น

1. อายุ และปัจจัยทางสุขภาพ อายุสูงขึ้นและมีภาวะสุขภาพที่ไม่ดีเช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจ อาจทำให้อวัยวะเพศไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่
2. การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์อย่างเป็นประจำอาจส่งผลต่อสุขภาพของระบบเส้นเลือด ซึ่งสามารถทำให้อวัยวะเพศไม่แข็งตัวได้
3. ความเครียดและภาวะซึมเศร้า ความเครียดและภาวะซึมเศร้าอาจส่งผลต่อระบบประสาทและระบบฮอร์โมน ซึ่งอาจทำให้อวัยวะเพศไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ
4. การรับประทานยา มีบางยาที่อาจมีผลต่อการทำงานของระบบอวัยวะเพศ ซึ่งอาจทำให้อวัยวะเพศไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่

การแก้ปัญหาอวัยวะเพศชายไม่แข็งตัว มีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรง ดังนี้

1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและการรับประทานอาหารที่เหมาะสม
2. การใช้ยาตามปัญหาสุขภาพหรือโรคประจำตัว ซึ่งอาจประกอบไปด้วยยาเพื่อเพิ่มกระเเสเลือด ยาลดความดันโลหิต หรือยาช่วยรักษาภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
3. การใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น
   • ตรวจระดับฮอร์โมนเพศชาย เป็นการวิเคราะห์ปัญหาเบื้องต้น หากมีความผิดปกติ สามารถเสริมฮอร์โมนเพิ่มได้
   • Low-Intensity Shock Wave Therapy เป็นการกระตุ้นด้วยคลื่นความถี่ต่ำ ช่วยฟื้นฟูเส้นเลือดบริเวณองคชาติและอัณฑะให้กลับมาทำงานได้เป็นปกติ ช่วยให้การแข็งตัวดีขึ้น แข็งตัวเร็วขึ้น อึดขึ้น อยู่ได้นานขึ้น
   • PRP (Platelet Rich Plasma) ใช้เกล็ดเลือดเข้มข้นของตัวเอง เข้าไปซ่อมแซมและฟื้นฟูหลอดเลือดและเนื้อเยื่อบริเวณองคชาติให้แข็งแรงขึ้น ทำงานได้ดีขึ้น
   • Stem-cell Therapy ใช้เซลล์ต้นกำเนิดจากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐานและเชื่อถือได้ เข้าไปซ่อมแซมและฟื้นฟูหลอดเลือดและเนื้อเยื่อบริเวณองคชาติให้แข็งแรงขึ้น ทำงานได้ดีขึ้น และช่วยเรื่องการหลั่งและการผลิตอสุจิด้วย
   • ดีทอกซ์เลือด (Plasmapheresis – DFPP) เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น ไชมันสูง คอเลสตอรอลสูง มีภาวะเบาหวาน ซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาทางด้านสมรรถภาพ ช่วยกำจัดของเสียในเลือด ทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น

อย่างไรก็ดี การจะเลือกการรักษาแบบใด ควรได้รับคำปรึกษาจากบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น ไม่ควรหลงเชื่อโฆษณาชวนเชื่อหรือหาซื้อยามาทานเอง เพราะนอกจากจะไม่ช่วยแก้ปัญหา อาจจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาได้