ขาแตกลาย ปัญหาผิวที่รักษาได้
ขาแตกลาย หรือ Stretch Marks เป็นเรื่องที่คนจำนวนมากต้องเผชิญ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น ช่วงวัยรุ่น การตั้งครรภ์ การเพิ่มน้ำหนัก หรือแม้แต่การลดน้ำหนักแบบฮวบฮาบ หลายคนเกิดความกังวลใจ รู้สึกไม่มั่นใจเวลาใส่เสื้อผ้าโชว์เรียวขา หรือชุดว่ายน้ำ CH9 Wellness Center ขอพาคุณมาทำความเข้าใจว่า ทำไมผิวถึงแตกลาย อะไรเป็นสาเหตุหลัก รูปแบบของรอยแตกมีลักษณะอย่างไร และเราจะสามารถฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียนได้อย่างไร ทั้งในเชิงวิทยาศาสตร์และการดูแลตนเอง
ขาแตกลาย เกิดจากอะไร
รอยแตกลายคือร่องรอยของ “การยืดขยายหรือหดตัวของผิวหนังอย่างรวดเร็ว” จนทำให้โครงสร้างของผิวชั้นกลาง (dermis) ซึ่งประกอบด้วยคอลลาเจนและอีลาสติน เส้นใยที่ให้ความยืดหยุ่นกับผิวหนัง เกิดการฉีกขาด ผิวหนังชั้นบนจึงแสดงรอยปริเป็นเส้นยาวๆ
อ้วนขึ้น หรือผอมลง… อะไรทำให้ผิวแตกลายมากกว่ากัน
คำตอบคือ “ทั้งสองอย่าง”
- อ้วนขึ้นเร็วเกินไป เช่น การกินมากขึ้นอย่างรวดเร็ว กล้ามเนื้อขยายจากการเล่นเวท หรือการตั้งครรภ์ ผิวหนังขยายตัวจนเส้นใยใต้ผิวหนังปรับตัวไม่ทัน
- ผอมลงเร็วเกินไป เช่น การลดน้ำหนักแบบเร่งรัด ผิวหนังหดตัวอย่างฉับพลัน เส้นใยคอลลาเจนที่เคยถูกยืดออกเกิดการพังทลาย
- วัยรุ่นกำลังเจริญเติบโต พบได้ในวัยรุ่นหญิงและชาย โดยเฉพาะที่ต้นขา สะโพก หน้าอก หลัง และหัวไหล่ เนื่องจากฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ผิวหนังขยายตามร่างกายที่กำลังโต
- โรคบางอย่างหรือยาบางชนิด เช่น กลุ่มโรคคุชชิง (Cushing’s Syndrome) หรือการใช้สเตียรอยด์ทั้งแบบกินและทาผิวเป็นเวลานาน อาจทำให้ผิวบางและยืดง่าย
ทำไมรอยแตกลายจึงเป็นสีแดงก่อนจะกลายเป็นสีขาว
- รอยแตกลายระยะแรก (Striae Rubra): สีแดง ม่วง หรือชมพู เกิดจากการอักเสบและการฉีกขาดของเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนัง ถือเป็นช่วงเวลาทองของการรักษา เพราะยังมีการไหลเวียนเลือดในรอยแผลอยู่
- รอยแตกลายระยะเรื้อรัง (Striae Alba): เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 6 เดือนขึ้นไป ร่างกายจะเริ่มสร้างพังผืดเพื่อซ่อมแซม แต่ไม่มีเม็ดสีผิวและไม่มีหลอดเลือด ส่งผลให้รอยกลายเป็นสีขาวซีด และรักษายากกว่า
รอยแตกลายหายได้เองหรือไม่
- โดยทั่วไป รอยแตกลายอาจจางลงได้เองภายใน 6–18 เดือน แต่ไม่หายสนิท เพราะผิวที่เสียหายไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาเหมือนเดิม 100%
- การรักษาอย่างถูกวิธีตั้งแต่ระยะแรก จะช่วยให้รอยจางลงอย่างเห็นผล และลดความลึก ความกว้าง และความชัดเจนของรอย
การวินิจฉัยโดยแพทย์ผิวหนัง
แม้รอยแตกลายมักวินิจฉัยได้ด้วยตาเปล่า แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินว่าเป็นรอยแตกจากอะไร ระยะไหน และตรวจดูโรคที่เกี่ยวข้อง (เช่น ภาวะฮอร์โมนผิดปกติ การใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์) เพื่อวางแผนการรักษาอย่างแม่นยำ
แนวทางการรักษารอยแตกลายที่ CH9 Wellness Center
CH9 Wellness Center ให้ความสำคัญกับการดูแลแบบองค์รวม เราจึงมีทางเลือกในการรักษารอยแตกลายหลายแนวทางที่เหมาะกับแต่ละบุคคล ได้แก่
- เลเซอร์รักษารอยแตกลาย (Fractional Laser / SLT™ Soft Lasing Technology)
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ใต้ผิว
- ลดความลึกของรอย ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
- เหมาะกับรอยแตกทั้งระยะแดงและระยะขาว
- Mesotherapy (Meso) และ Skinbooster
- ฉีดวิตามินเข้มข้น กรดไฮยาลูรอนิก หรือสารกระตุ้นการฟื้นฟูผิวเฉพาะจุด
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ฟื้นฟูโครงสร้างผิว และเร่งการซ่อมแซม
- ทรีตเมนต์บำรุงเฉพาะจุด
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดมด้วยเรตินอล วิตามินซี เปปไทด์ และสารต้านอนุมูลอิสระ
- ช่วยให้ผิวแข็งแรง ยืดหยุ่นขึ้น ลดการเกิดรอยแตกใหม่
- แผนการดูแลน้ำหนักและพฤติกรรมการกิน
- สำหรับผู้ที่มีรอยแตกลายจากการเปลี่ยนแปลงน้ำหนัก แพทย์และนักโภชนาการของเราจะช่วยวางแผนควบคุมน้ำหนักอย่างปลอดภัย หลีกเลี่ยงการโยโย่เอฟเฟกต์
- โภชนาการและสุขภาพผิวจากภายใน
- เสริมอาหารที่อุดมด้วยโปรตีน คอลลาเจน วิตามินอี ซี และสังกะสี
- ดื่มน้ำวันละ 5–2 ลิตร เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง
ขาแตกลายสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ไม่ว่าจะเกิดจากการเจริญเติบโต การตั้งครรภ์ หรือพฤติกรรมการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว แม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ส่งผลต่อความมั่นใจอย่างมาก โดยเฉพาะในผู้หญิงที่ต้องการเผยผิวเรียบเนียน หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหานี้ ไม่ต้องทนอีกต่อไป ทีมแพทย์ผิวหนังและผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ความงามของ CH9 Wellness Center พร้อมช่วยวางแผนการรักษาที่เหมาะกับคุณแบบเฉพาะบุคคล
เพราะเราเชื่อว่า… ผิวที่ดี สะท้อนสุขภาพที่สมดุลจากภายใน สอบถามเพิ่มเติม หรือนัดหมายปรึกษาแพทย์ โทร. 02-115-2111 หรือแวะมารับบริการได้ที่ CH9 Wellness Center – ศูนย์ความงามและสุขภาพแบบองค์รวม
